ใช้ชีวิตแบบไร้เงินสดที่สิงคโปร์ พร้อมเยี่ยมชมออฟฟิศ Visa Singapore

7321
Visa Singapore

 

  • คำว่าไร้เงินสด ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวแล้วอดอยากปากแห้ง ดื่มน้ำประทังชีวิต ก็ใช้ตังค์แหละ แต่เปลี่ยนรูปแบบจากมานั่งกรีดแบงค์นับเศษเหรียญ มาเป็นใช้บัตรแทน
  • ซึ่งทริปนี้จะมาดูการพัฒนา และความเจริญก้าวหน้าอีกขั้นของประเทศสิงคโปร์!! ที่สามารถใช้บัตรใบเดียวจ่ายตลอดทริป สะดวกสบาย (และกลับมาใช้หนี้ทีหลังแทน)
  • โดยทางเพจได้รับเกียรติไปเยี่ยมชม ออฟฟิศ Visa ที่สิงคโปร์ ร่วมกับเพจ,สื่อต่างๆ สาระแน่นๆ เช่น Finstreet, LDA World, The Standard, ฐานเศรษฐกิจ, Brand Buffet และ แบไต๋ (ในใจแอบคาดหวังว่าจะมีใต้เตียงดาราไปซะหน่อย)
  • ซึ่งนอกจากเนื้อหาแน่ๆแล้ว ยังมีภาพบรรยากาศออฟฟิศVisa ที่สิงคโปร์มาฝากด้วย

  • ใช่แล้ว ครั้งนี้มาซื้อป๊อปคอร์นที่สิงคโปร์ โดยลองใช้บัตรแบบติ๊ด-จ่ายซะหน่อย
  • ภาษาอังกฤษเรียกว่า Contactless คือจ่ายเงินแบบไม่ต้องสัมผัส ลดความยุ่งยาก
  • แม้ว่าที่ไทยก็มีระบบนี้บ้าง แต่ยังไม่เต็มรูปแบบเท่าที่สิงคโปร์ จะมีอะไรอีกบ้างไปดูรูปถัดไปได้เลย

  • จะเห็นว่าร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ที่สิงคโปร์ ก็รองรับการชำระเงินรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หมดแล้ว

  • ขึ้นรถไฟฟ้าที่สิงคโปร์ เมื่อก่อนหยอดเหรียญ หรือไปตามล่าหาบัตร EZ-link
  • จะบอกว่าไม่ต้องแล้ว เอาบัตรเครดิตที่มีสัญลักษณ์คล้ายๆ Wifi หรือสัญลักษณ์ Contactless ติ๊ดจ่ายได้เลย เดี๋ยวระบบจะคำนวนตอนออกเองว่าเท่าไหร่ก็จะหักยอดจากตรงนั้น ไม่ต้องไปต่อคิวซื้อบัตรเติมเงินเลย

  • ซึ่งระบบต่างๆเหล่านี้ได้มีต้นแบบมาจากลอนดอนเมื่อ5ปีก่อน
  • จนตอนนี้ที่ลอนดอน จะขึ้นเรือ จ่ายค่าที่จอดรถ ก็เอาบัตรติ๊ดจ่ายได้หมดเลย
  • โดยหัวเมืองใหญ่ๆ ก็เป็นระบบนี้กันหมดแล้ว เช่น นิวยอร์ค, ซิดนีย์

  • คุณสุริพงษ์ ตันติยานนท์ เป็นผู้จัดการวีซ่าประเทศไทย ได้มาบรรยายเกี่ยวกับการใช้ชีวิตใน1วันแบบไร้เงินสด และการแก้ปัญหา ระบบขนส่ง
  • คุณไมค์กล่าวว่า กรุงเทพติด1ในเมืองต้นๆของนักท่องเที่ยวทั่วโลก แต่เวลาขึ้นรถไฟฟ้าทีนึงต้องไปหยอดเหรียญ ไม่เท่าไหร่ ถ้าเป็นแบงค์ต้องไปต่อคิวแลกเป็นเหรียญอีกที เป็นแบบนี้ทุกคนก็เสียเวลาน่าดู
  • ทางวีซ่าก็พยามยามร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชนมาช่วยพัฒนาระบบต่างๆให้สะดวกยิ่งขึ้น

 

  • ตั้งแต่เปิดตัวระบบ ในเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา ผู้ใช้ระบบ Contactless ใน Singapore Mass Transit ทะลุยอด 1 ล้าน transaction ภายในเวลาแค่ 10 วัน! ซึ่งแสดงถึงความพร้อมและความต้องการของชาวสิงค์โปร์ เพราะความสะดวกสบายในการเดินทาง โดยไม่ต้องมีบัตรหลายๆใบในกระเป๋าเพื่อขึ้นรถไฟอีกต่อไป
  • จากผลสำรวจพฤติกรรมการใช้เงินของคนไทยของวีซ่า (Consumer Payment Attitude Survey 2018) พบว่าคนไทย 64% เห็นว่าการใช้จ่ายผ่านบัตรธนาคารของตน (debit & credit) สะดวกสบายกว่าการซื้อบัตรรถไฟและจ่ายเงินแยกสำหรับการใช้การขนส่งสาธารณะ
  • โดย 91% สนับสนุนการใช้บัตร contactless สำหรับการเดินทางระบบสาธารณะ
  • นอกจากนี้ ยังช่วยประหยัดต้นทุนสำหรับผู้ประกอบการขนส่งโดยจากรายงานของ Cashless Cities ของวีซ่า ผู้ประกอบการขนส่งใช้จ่ายเฉลี่ย 14.5 เซนต์ต่อดอลลาร์ ทุกดอลลาร์ที่เก็บจากเงินสด เมื่อเทียบกับ 4.2 เซนต์ต่อดอลลาร์ สำหรับการใช้จ่ายขนส่งมวลชนผ่าน Contactless

  • และท่านถัดมา เป็นคุณ Chris Clark ประธานบริหารวีซ่า ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
  • คริส เล่าถึงประวัติ Visa
  • โดยแต่ก่อน Visa ไม่ได้ใช้ชื่อนี้ เมื่อก่อนชื่อ BANKAMERICARD แต่เปลี่ยนชื่อเพื่อให้จำง่าย (นี่แรกๆก็สับสนว่าขอวีซ่าไปประเทศอื่นไปขอที่ธนาคารได้เปล่าหว่า)
  • คือชื่อ Visa เป็นคำที่ทุกภาษาออกเสียงได้หมด มันเลยจำง่าย โดยถ้าดูสี น้ำเงิน ขาว เหลือง (รูปซ้ายล่าง) อันนั้นคือบัตรรูปแบบเก่า
  • ซึ่งจริงๆแล้วบัตรเครดิตก็เกิดมาตั้ง60กว่าปีแล้ว แต่แรกๆก็แน่นอนไม่เวิร์คเพราะเอาบัตรไปให้คนใช้ คนก็รูดซื้อแล้วก็ไม่จ่ายคืน
  • โดยระบบก็มีการพัฒนามาเรื่อยๆ จนตอนนี้มีบัญชี Visa ประมาณ 3,400ล้านบัญชี ครอบคลุมกว่า 200ประเทศ
  • โดย Visa ได้ร่วมกับธนาคารทั่วโลกกว่า 15,550แห่งเลยทีเดียว
  • ซึ่งแน่นอน Visa มีคู่แข่ง แต่เขาบอกว่าไม่ใช่บริษัทอื่นๆนะ แต่เป็นเงินสด!! ต่างหาก ฟังแล้วซิ๊ดเลย เพราะตอนนี้คนไทยอย่างน้อย10ล้านคนก็จ่ายเงินผ่านมือถือเป็นแน่นอน

  • ถัดมาคือคุณ Mandy Lamb เป็นผู้จัดการกลุ่มวีซ่า ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • เธอมาเล่าเกี่ยวกับสถิติการใช้จ่ายของคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • ซึ่งสถิติกล่าวว่าคนในภูมิภาคนี้มีสมาร์ทโฟนมากกว่า 300ล้านเครื่อง และ 72% ก็ช้อปออนไลน์ผ่านมือถือ
  • และคาดว่าในอีก5ปี ยอดจะสูงขึ้นเป็น80% และโตกว่า3เท่า อีก 7ปี
  • แหม่ (อันนี้เสริมเอง) ก็9.9 ที่ผ่านมายอดช้อปออนไลน์ของไทยทำลายสถิติสูงสุด คนละ 10ออเดอร์บ้าง 20ออเดอร์บ้าง #ช้อปเก่ง #FlashSaleเก่ง #รับโค้ดส่วนลดเก่ง

  • คุณ Tasneen Padiath เป็นหัวหน้าฝ่าย Fintech Engagement & Delivery ของวีซ่า
  • ไม่ได้จะขิงแต่ความจริง แอปต่างๆที่เราใช้กันผูกบัตรเครดิต จ่ายเงิน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นพาร์ทเนอร์กันหมด
  • ง่ายๆเลย อย่างแอปสั่งอาหาร เวลาจะจ่ายเงินที ต้องไปหาเลขบัญชีมาโอนกันให้ยุ่งยาก ตัดผ่านบัตรเลยแบบทุกวันนี้สะดวกดี ซึ่งระบบหลังบ้านก็เป็นความร่วมมือกับวีซ่า
  • จะเห็นว่า ไม่ว่าStart up ตัวเล็กหรือตัวเป้งๆ กระทั่ง องค์กรขนาดใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่ เป็น พาร์ทเนอร์ เช่น Apple Pay, Google Pay, LinePay, GoJEK, JD Central หรือ Tokyo Olympic ก็ล้วนเป็นพาร์ทเนอร์ทั้งนั้น จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาพัฒนาระบบใหม่ ต่อยอดได้เลย
  • และสุดท้ายกลุ่มสื่อมวลชนก็ได้ไปเยี่ยมชมออฟฟิศ และศูนย์การเรียนรู้ของ Visa ที่สิงคโปร์ โดยได้เก็บภาพมาฝาก..

บรรยากาศออฟฟิศ และ Visa Innovation Center ที่สิงคโปร์

Facebook Comments