ในช่วงวิกฤตโรคระบาด หลายคนสอบถามเรื่องประกันสุขภาพเข้ามารวมถึงตัวเองก็สงสัย “จะเลือกซื้อตัวไหนดี?” ซึ่งถ้าหากกรมธรรม์ที่คุ้มครองเหมือนกันเป๊ะๆเราสามารถเปรียบเทียบเป็นตัวเงินได้ เช่น ค่าชดเชย,ค่าเบี้ย,วงเงินความคุ้มครองรวมสูงสุดต่อปี โดยเปรียบเทียบความคุ้มครองต่อค่าเบี้ย
แต่จริงๆแล้ว ประกันแต่ละแบรนด์ แต่ละแบบ จะมีรายละเอียดความคุ้มครองที่แตกต่างกันยิบย่อย ซึ่งอ่านแล้วบางทีก็งง ยิ่งถ้าเป็นคนที่ไม่เคยซื้อมาก่อนเนี่ย อ่านแล้ว ตึ้บ จนไม่รู้ละว่าจะเอาตัวไหนดี เบี้ยแพงไปมั้ย? คุ้มครองพอรึเปล่า? ครอบคลุมอะไรบ้าง? หลังจากที่คุยกับน้องตัวแทน+ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมก็สรุปได้ประมาณนี้
4 ข้อที่ต้องรู้ก่อนทำประกันสุขภาพ
▶️ประกันต้องซื้อก่อนป่วย : เพราะประกันสุขภาพไม่มีตัวไหนที่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อน หากอายุมากขึ้น เป็นโรคมากขึ้นจะยิ่งทำประกันยาก ดังนั้นควรทำประกันตอนที่เรายังสุขภาพดี หากป่วยแล้วจะย้อนกลับมาทำไม่ได้
▶️มีระยะเฝ้าระวัง : ประมาณ 30-90 วัน แล้วแต่แบบประกัน เพื่อป้องกันคนที่ป่วย หรือเป็นโรคมาทำประกันเพื่อกะว่าจะเคลมทันที
▶️มีโรคประจำตัว หรือโรคเรื้อรังบางโรค ไม่สามารถทำประกันสุขภาพได้ : เช่น เบาหวาน,ความดัน ฯลฯ เพราะโรคเหล่านี้จะทำให้เกิดโรคอื่นๆตามมาเยอะ ประกันจะไม่รับลูกค้ากลุ่มนี้เลย
▶️อัพเกรดแผนประกันยาก : หากซื้อประกันด้วยเบี้ยน้อยๆวงเงินความคุ้มครองไม่สูง ในอนาคตหากต้องการเพิ่มวงเงินความคุ้มครอง บริษัทประกันจะนึกว่าเราเป็นโรคอะไรเพิ่ม จะมีขั้นตอนตรวจสอบเยอะ
เกณฑ์ในการตัดสินใจซื้อประกัน
▶️ มี 2 ส่วนใหญ่ๆให้พิจารณา คือ เบี้ย และ ความคุ้มครอง
▶️ เบี้ย : จะเป็นแบบจ่ายทิ้งปีต่อปี คล้ายประกันรถ จึงควรเลือกตามกำลัง
▶️ ความคุ้มครอง : ความคุ้มครองอาการเจ็บป่วย ซึ่งรายละเอียดหลักๆ ที่จะใช้ในการตัดสินใจประกอบไปด้วย
- ค่ารักษาผู้ป่วยนอก (OPD) คือ การรักษาแบบไม่นอนโรงพยาบาล เช่น เป็นหวัดไปหาหมอรับยากลับ ถ้าประกันไม่มีส่วนนี้จะรักษาได้เฉพาะกรณีนอน รพ.เท่านั้น ถ้าไม่นอนต้องจ่ายเอง ฉะนั้นถ้าทำประกันทั้งทีก็เลือกแบบที่คุ้มครองส่วนนี้ด้วยนะ
**บางที่ opd คุ้มครองแค่อุบัติเหตุอย่างเดียว ไม่คุ้มครองการเจ็บป่วย ต้องอ่านดีๆ - ค่ารักษาผู้ป่วยใน (IPD) คือ เมื่อรับการรักษาแบบนอนโรงพยาบาล เช่น ปอดบวม,ไส้ติ่งอักเสบ ฯลฯ อันนี้เป็นความคุ้มครองหลัก
- ค่าห้องต่อคืน ดูว่าปกติเวลาป่วยเราจะไปนอนโรงพยาบาลไหน ควรเลือกใกล้บ้านหรือที่ทำงาน เผื่อฉุกเฉินจะได้ไปทัน
ราคาค่าห้องต่อคืนเท่าไหร่ ถ้าไม่พอต้องเลือกแผนที่สูงขึ้น หรือมีชดเชยรายวันมาช่วยสมทบอีกทางก็ได้ - ค่าชดเชยรายวัน ค่าชดเชยรายได้ จากการที่ต้องรักษาพยาบาล จะจ่ายตามจำนวนวันที่เราเข้าพัก
เช่น ทำชดเชยรายวันวันละ 1000 บาท นอน 3 คืน ได้เงินชดเชย 3000 บาท เป็นต้น - ความคุ้มครองเพิ่มเติม จะมีบางกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติมขึ้นมา เช่น ค่าทำฟัน, ค่าคลอดบุตร
- ความคุ้มครองรวมสูงสุดกี่บาทต่อปี เพื่อใช้เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นภาพรวม เป็นการนำรายละเอียดความคุ้มครองแต่ละข้อของกรมธรรม์มารวมกัน เช่น OPD, IPD, ค่าห้อง, ค่าชดเชย, ค่ายา, ค่าวินิจฉัยโรค, ค่าผ่าตัด ฯลฯ
เปรียบเทียบประกันสุขภาพในตลาด
▶️เนื่องจากประกันสุขภาพมีหลายบริษัท หลายแผนประกัน แถมแต่ละแผนมีระดับความคุ้มครองให้เลือกหลายระดับอีก
ดังนั้นได้แบ่งระดับแพคเกจความคุ้มครองไว้เป็น 3ระดับ
1) ประกันสุขภาพแผนพรีเมี่ยม : เบี้ยหลักหมื่นปลายๆ-แสน ความคุ้มครองหลัก 10,000,000 ไปจนถึง 100,000,000 บาท!!
เปรียบเทียบประกันแผนพรีเมี่ยม
2) ประกันสุขภาพแผนมาตรฐาน : เบี้ยหลักหมื่นกลางๆ(3-6หมื่นบาท) ความคุ้มครอง เริ่มต้น 3,000,000 – 10,000,000 บาท
เปรียบเทียบประกันแผนมาตรฐาน
3) ประกันสุขภาพแผนเริ่มต้น : เบี้ยพันถึงหมื่นต้นๆ ความคุ้มครองประมาณหลักแสน ไปจนถึง 2,000,000 บาท
เปรียบเทียบประกันแผนเริ่มต้น